วันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2553

วันตรุษสารทสำคัญ 湖人八时节

วันตรุษสารท เป็นคำที่ชาวจีนยืมคำไทยไปใช้แทนชื่อ เรียกเทศกาลสำคัญๆ ในแต่ละปี โดยจีนแต้จิ่ว มีคำว่า สี่โจ่ย
时节 ก๊วยหนี่ก๊วยโจ่ย 过年过节หรือจ๊อหนี่จ๊อโจ่ย 做年做节 คำว่า 节 ในสำเนียงแต้จิ่วสะกดเป็นภาษาไทยลำบากมาก ฉะนั้น ผูสนใจศึกษาควนขอให้ผู้รู้จีนแต้จิ๋วพูดออกเสียงให้ฟัง สังเกตว่าคำๆนี้เป็นคำตายใช้เสียงสั้นคือออกเสียงคล้ายๆกับ โจ่ย แต่เสียงสะดุดลงอย่างเร็ว แต่เขียน โจ่ยะ จะดูไม่เหมือนภาษาไทย
คนไทยขึ้นปีใหม่เรียกว่า ตรุษไทยชาวจีนแต้จิ๋วเลยยืมว่าตรุษมาใช้ของชาวจีนก็เรียก ตรุษจีนแต่หากเราไปค้นในพจนานุกรมฯ
คำว่า ตรุษจีนกลายเป็นชื่อ ดอกไม้เสียนี่ คำว่า สารท ก็เช่นเดียวกัน ชาวจีน ยืมคำไทยมาใช้แทน คำว่า โจ่ย  节 ซึ่งสะกดออกเสียงเป็น ภาษาไทยลำบากมากเลยมีการเรียก  เทศกาล ๙กแหงวะปั่ว ว่า สารทจีน หรือวันไหว้ขนมจ้าง โหง่วเหงวะโจ่ย
ว่า สารท วันไหว้ขนมจ้าง ฉะนั้น เวลาคนไทยเชื้อสายจีนพูดถึงตรุษสารทจึงอาจมีความหมายไม่ตรงกับภาษาไทยที่แท้จริง
วันเทศกาลสำคัญๆของชาวจีน โดยเฉพาะชาวจีนในแต๋จื๋วในเมืองไทยส่สนใหญ่จะยึดถือเซ่นไหว้วันตรุษสารทสำคัญอยู่
 8 เทศกาล ที่ต้องระบุว่าเมืองไทยเพราะหากเป็นชาวแต๋จ๋วในสิงคโปร์หนือมาเลเซีย ก็อาจมีรายละเอียดแตกต่างกันไปหรือแม้แต่ในเมืองไทยเองก็อาจมีสารทเล็กสารทน้อยทึ่คนจีนบางเหล่ายึดปฏิบัติไม่ได้ยึดเหมือนกันที้งหมด
ถึงตรงนี้บางคนอาจเดากันแล้วว่าเทศกาลต้องเป็นเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีน ที่ชาวแต้จิ๋วเรียกว่า ก๊วยซิงนี้ 過 新年
แต่คนไทยและคนไทยเชื้อสายจีนส่วนหนึ่งก็อาจเรียกชื่อคุ้นเคยว่า ตรุษจีน
ตรุษจีนเป็นเทศกาลสำคัญอันดับต้นก็ไม่ผิดแต่ทีจะต้องพูดถึงอันดับแรกกลับต้องเป็นเทศกาลวันสิ้นปีและเนื่องจากปฏิทินทางจันทรคติอย่างจีน เดือนสิบสองนั้นอาจมียี่สิบเก้ววันหรือสามสิบวันก็ได้ ช่วงส่งท้ายปีเก่าจีนจึงอาจเรียกว่า หยิแม้ หรือจับแม้
廿九夜,三十夜 เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขและชื่นมื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาเด็กๆเพราะนอกจากจะได้ตามผู้ใหญ๋
ไหว้เจ้าบรรพบุรุษเป็นที่สนุกสนานได้กินอาหารและขนมอร่อยแล้วฃ่วงเย็นหรือหัวค่ำก็ช่วงเวลาระทึกใจ เพราะได้รับเงินใส่ซองแดงที่เรียกันว่าอั่งเปา
คำว่า อั่งเปา 红包หมายถึงตัวซองแดงที่ใส่เงิน

ไม่มีความคิดเห็น: